top of page

ศาสนายิว

 

 

สัญลักษณ์ศาสนา

 

              เครื่องหมายเดิมคือ ราวเทียนหรือกิ่งเทียน 7 กิ่ง แต่ปัจจุบันใช้รูปสามเหลี่ยมซ้อนกัน 2 รูปเป็นดาว 6 แฉก ซึ่งเป็นเครื่องหมายประจำของกษัตริย์ดาวิด และเป็นเครื่องหมายในผืนธงชาติของอิสราเอลด้วย

 

ประเภทของศาสนายิว


              ศาสนาเอกเทวนิยม นับถือพระเจ้าองค์เดียวคือ พระยะโฮวา

 

ศาสดา
            โมเสส

 

 

วันเดือนปีกำเนิดศาสนา


          เกิดก่อน ค.ศ. ประมาณ 1,200 ถึง 1,500 ปี หรือก่อน พ.ศ. ประมาณ 657 ถึง 957 ปี คิดตามสมัยของโมเสส

 

สถานที่กำเนิดศาสนา

 

              ปาเลสไตน์ หรือประเทศอิสราเอลในปัจจุบัน

 

เหตุเกิดศาสนา


              ศาสนายิวเป็นศาสนาของชนชาติยิว ซึ่งสืบเชื้อสายมาจากพวกเสมิติกที่แยกมาจากภาคเหนือของทวีปเอเชียและได้แพร่ เข้ามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในปาเลสไตน์ ต่อมาพวกฮีบรูบางพวกได้ตกเป็นเชลยถูกกวาดต้อนไปอยู่ในประเทศอียิปต์ แต่ทนการกดขี่ข่มเหงจากพวกอียิปต์ไม่ไหว จึงพากันหลบหนีข้ามทะเลแดงไปรวมกันอยู่ในประเทศปาเลสไตน์อีก ดินแดนนี้มีชนชาติคานาอันหรือคานาไนต์อาศัยอยู่ พวกคานาอันเรียกพวกที่เข้ามาใหม่ว่า “ฮีบรู” แต่เพราะพวกยิวแสดงตัวว่าเป็นผู้มาดี พวกคานาจึงไม่รับเกียจ พวกฮีบรูมีหัวหน้าคนหนึ่งชื่อว่า “ยาขอบ” แต่เวลาทำพิธีทางศาสนาจะเรียกตัวเองว่า “อิสราเอล”


            พวกยิวสืบเชื้อสายทางศาสนามาจากพวกคานาอัน ซึ่งนับถือพระเจ้าองค์เดียว คือ “พระยะโฮวา” พวกยิวก็ นับถือพระยะโฮวาด้วย แต่ต่อมายังได้นับถือพระเจ้าของคานาอันอีกองค์หนึ่งด้วย คือ “พระเจ้าอาฮีรา” แต่ในที่สุดก็เลิกนับถือพระเจ้าอาฮีรา คงเหลือแต่พระยะโฮวาองค์เดียว แต่พวกยิวยังถูกข่มเหงรังแกจากพวกอียิปต์อีก ครั้งนี้เกือบทำให้พวกยิวเลิกนับถือพระยะโฮวา แต่ได้อาศัยโมเสสซึ่งเป็นต้นกำเนิดศาสนายิว ได้ชี้แจงจูงใจและหว่านล้อมให้ชนชาวยิวนับถือพระยะโฮวาอย่างมั่นคงเหมือนเดิม หลังจากที่ได้เข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนปาเลสไตน์

 

จำนวนผู้นับถือศาสนา


                ประมาณ 14,000,000 คน (ปี ค.ศ.2002)

 

วิธีปฏิบัติในศาสนา


                 การปฏิบัติโดยแสดงความจงรักภักดีและบูชาในพระยะโฮวา ปฏิบัติตามเทวโองการผ่านโมเสส และถือปฏิบัติตามขนบธรรมเนียมประเพณีดั้งเดิม ซึ่งระบุไว้ในพระคัมภีร์เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยควบคุมชีวิตมนุษย์ให้อยู่ใน ความบริสุทธิ์ตามประสงค์ของพระเจ้า


ชาวยิวต้องดำรงชีวิตในความบริสุทธิ์ ตามหลักปฏิบัติว่าด้วยสิทธิ 6 ประการ คือ


1. สิทธิในการครอบครองชีวิต
2. สิทธิเกี่ยวกับทรัพย์สิน
3. สิทธิเกี่ยวกับการประกอบอาชีพ
4. สิทธิเกี่ยวกับการแต่งกาย
5. สิทธิเกี่ยวกับการตั้งบ้านที่อยู่อาศัย
6. สิทธิแห่งบุคคลซึ่งรวมถึงสิทธิในการพักผ่อนและเสรีภาพส่วนบุคคล

หลักธรรม


           หลักธรรมคำสอนที่สำคัญของศาสนายิว ที่นับว่ามีความสำคัญและชาวยิวใช้หลักคำสอนตามที่พระเจ้าสั่งหรือแจ้งลงมา ทางโมเสสเป็นหลัก ดังนี้


บัญญัติ 10 ประการ


1. อย่าได้มีพระเจ้าอื่นต่อหน้าเรา (พระยะโฮวา) เลย


2. อย่าทำรูปเคารพสำหรับตน เป็นสัณฐานรูปสิ่งหนึ่งสิ่งใดซึ่งมีอยู่ในฟ้าอากาศเบื้องต้น หรือซึ่งมีอยู่ที่แผ่นดินเบื้องล่าง หรือซึ่งมีอยู่ใต้แผ่นดิน อย่ากราบไหว้ หรือปฏิบัติรูปเหล่านั้น ด้วยเรายะโฮวาพระเจ้าของเจ้า เป็นพระเจ้าหวงแหน ให้โทษของบิดาที่ชังเรา (ยะโฮวา) นั้น ติดเนื่องจนถึงลูกหลานกระทั่งสามสี่ชั่วอายุคน แต่แสดงความกรุณาแก่ผู้รักเราและรักษาบัญญัติของเราถึงหลายพันชั่วอายุคน


3. อย่าออกนามยะโฮวา พระเจ้าของเจ้าเปล่าๆ ด้วยผู้ที่ออกนามของพระองค์เล่นเปล่าๆ นั้น ยะโฮวาจะไม่ปรับโทษหามิได้


4. จงนับถือวันซะบาโต ถือเป็นวันบริสุทธิ์ตามคำยะโฮวา พระเจ้าของเจ้าได้ตรัสสั่งไว้แก่เจ้า จงทำการงานของเจ้าให้สำเร็จ ในระหว่างหกวัน แต่วันที่เจ็ดนั้น เป็นซะบาโตของยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ในวันนั้นอย่ากระทำการสิ่งใดๆ คือเจ้าเองหรือบุตราบุตรีของเจ้าหรือทาสาทาสีของเจ้า หรือตัวโคของเจ้าหรือตัวลาของเจ้า หรือบรรดาสัตว์ใช้ของเจ้า จงระลึกว่าเจ้าเป็นทาสในประเทศอายฆุปโต (อียิปต์)และยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ได้พาเจ้าออกมาจากที่นั่นด้วยพระหัตถ์อันทรงฤทธิ์ และด้วยพระกรเหยียดออกนั้น เหตุฉะนี้ ยะโฮวาพระเจ้าของเจ้า ได้บัญชาสั่งให้เจ้ารักษาวันซะบาโตนั้น


5. จงนับถือบิดามารดาของตน ตามคำยะโฮวาตรัสสั่งนั้น เพื่อเจ้าจะมีชีวิตยืนนาน และจำเริญอยู่บนแผ่นดินซึ่งยะโฮวาพระเจ้าของเจ้าประทานให้แก่เจ้า


6. อย่าฆ่าคน


7. อย่าล่วงประเวณี สามีภรรยา


8. อย่าลักทรัพย์


9. อย่าเป็นพยานกล่าวความเท็จต่อเพื่อนบ้าน


10. อย่าโลภภรรยาของเพื่อนบ้าน อย่าโลภเรือนของเพื่อนบ้านหรือไร่นาของเขา หรือทาสาของเขาหรือทาสีของเขาตัวโคหรือตัวลาของเขา หรือสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่เป็นของเพื่อนบ้าน

 

                เกี่ยวกับการสร้างโลกและชีวิตข้อความในพระคัมภีร์เก่ากล่าวว่า เมื่อเดิมพระเจ้าได้นิรมิตสร้างฟ้าและแผ่นดิน ดินนั้นก็ว่างเปล่าอยู่ มีความมืดอยู่เหนือฟ้า และพระวิญญาณของพระเจ้าได้ปกครองอยู่เหนือน้ำนั้น พระเจ้าทรงตรัสสั่งให้มีความสว่างเกิดขึ้น พระเจ้าเห็นว่า แสงสว่างนั้นดี จึงได้แยกความสว่างนั้นออกจากความมืด พระเจ้าทรงเรียกความสว่างนั้นว่า “วัน” และทรงเรียกความมืดว่า “ คืน” มีเวลาเย็นและเวลาเช้าเป็นวันที่หนึ่ง

 

 

    พระเจ้าก็ทรงตรัสให้มีวันที่ 2-3-4-5-6-7 ตามลำดับ


วันที่ 1 ทรงสร้างกลางวันและกลางคืน
วันที่ 2 ทรงสร้างน้ำ อากาศ และสวรรค์
วันที่ 3 ทรงสร้างแผ่นดิน
วันที่ 4 ทรงสร้างดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และดวงดาว
วันที่ 5 ทรงสร้างสรรพสัตว์
วันที่ 6 ทรงสร้างมนุษย์
วันที่ 7 คือวันเสาร์ เป็นวันพักผ่อน และมนัสการพระเจ้า

 


                 ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเนรมิต ฟ้า ดิน โลก สิ่งต่างๆขึ้นมาในโลกรวมทั้งพืชพันธุ์ สัตว์ต่างๆ และมนุษย์ขึ้นไว้ พระเจ้าทรงสร้างมนุษย์ด้วยผงคลีดิน ทรงระบายลมแห่งชีวิตเข้าทางจมูก ให้มีชีวิตหายใจเข้าออก มนุษย์จึงเกิดขึ้นเป็นจิตวิญญาณมีชีวิตอยู่ ทรงสร้างมนุษย์เป็นคนแรก เป็นชาย เรียกว่า อดัม และมนุษย์หญิงคนแรก เรียกว่า อีวา อาดัมและอีวา จึงกลายเป็นมนุษย์คนแรกของโลก และเป็นบรรพบุรุษของมนุษย์ทั้งปวง

พิธีกรรมในศาสนายิวมีพิธีกรรมที่สำคัญ ดังนี้


1.วันสะบาโต (Sabbath) คือวันที่เจ็ดของสัปดาห์ ถือเป็นวันบริสุทธิ์ห้ามทำกิจกรรมใดๆ ทุกอย่างได้ถือว่าวันนี้เป็นวันพักผ่อน เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ ให้ทำกิจกรรมที่เป็นกุศล เช่น การสวดมนต์อธิษฐานภาวนาการอ่านพระคัมภีร์ และขอบคุณพระเจ้า


2.พิธีปัสคา (Pesach) เป็นพิธีกรรมที่เกิดในสมัยโมเสสเมื่อคืนวันก่อนที่โมเสสจะพาพวกยิวอพยพจาก อียิปต์ พระเจ้าทรงส่งให้พวกยิวฆ่าแกะทำเป็นอาหารรับประทานกับขนมปังที่ไม่มีเชื้อ และต้องรับประทานให้หมดวันเดียว แล้วให้ทุบหม้อไห และเครื่องครัวทั้งหมดแล้วให้เอาเลือดแกะป้ายไว้ที่หน้าประตูเพราะในเวลา กลางคืน พระเจ้าจะส่งฑูตมรณะมาฆ่าทุกคนที่ไม่ใช่ยิว ถ้าประตูหน้าของใครมีเลือดแกะทาอยู่ทูตมรณะจะข้ามไป จึงเรียกว่า “ปัสคา” แปลว่า “ข้ามไป”ชาวยิวฉลองวันนี้ด้วยการเลี้ยงใหญ่ และอธิษฐานขอบคุณพระเจ้าพิธีนี้ใช้เวลา 8 วัน ในวันสุดท้ายมีการฉลองใหญ่และทุกคนก็ร้องขึ้นพร้อมกันว่า “ ปีนี้พบกันที่เยรูซาเลม”


3.พิธีเซเดอร์ (Seder) พิธีเซเดอร์เป็นพิธีเมืองที่สำคัญที่สุดในศาสนายิวกระทำในคืนแรกและคืนที่ สองของพิธีปัสคา ประกอบด้วยการนับวันที่พวกยิวอพยพจากอียิปต์ใหม่ เลี้ยงฉลองในงานรื่นเริงด้วย “คิดดุช” (Kiddush) แล้วอวยพรด้วยการราดเหล้าไวน์บนขยมปังบิดามารดามักจะอวยพรให้กับเด็กๆ


4.วันแห่งการแก้ไข (Day of Atonement) ถือเป็นวันศักดิ์สิทธิ์ เป็นวันแห่งการแก้ไขความประพฤติ จะทำพิธีในโบสถ์แห่งเยรูซาเลม พระผู้ใหญ่จะเป็นผู้ทำพิธีล้างบาปให้ เมื่อเสร็จพิธีล้างบาปจะมีการเป่าเขาพร้อมกับการยืนยันว่า “เจ้านายของตนคือพระเจ้า” พระจะกล่าวคำขอโทษจากพระเจ้า ทั้งสำหรับตัวเองและชาวอิสราเองทุกคน ดังนั้นวันแห่งการล้างบาปจึงถือว่าเป็นโอกาสดีของผู้ที่ทำผิดแล้วเสียใจใน ความผิดที่ได้ทำลงไป ในเย็นวันนั้นจะมีพิธีกรรมที่เรียกว่า คอลนิดไร (Koi – Nidrei) ทุกคนตั้งสัตย์อธิษฐานเป็นการยกเลิกคำอธิษฐานเดิมที่ได้ทำลงไปแล้วโดยถูก บังคับกดขี่


            นอกจากพิธีดังกล่าวแล้ว ยังมีพิธีอื่นๆ อีกมาก เช่น พิธีฉลองปีใหม่ พิธีฉลองพืชผลในฤดูเก็บเกี่ยวในพิธีกรรมสังเวยบูชาพระเจ้านั้นชาวยิวใช้พืชผลหัวเครื่องหมอบ้าง ฆ่ากำแพะสังเวยบ้าง ศูนย์กลางศาสนาของยิวถือกรุงเยรูซาเลม เป็นนครอันศักดิ์สิทธิ์

 

นิกาย


นิกายในศาสนายิวมี 4 นิกาย คือ


1. นิกายออร์ธอดอกซ์ (Orthodox) นับถือศาสนาเป็นแบบประเพณีนิยม มีมุขนายกเป็นหัวหน้าเน้นความศักดิ์สิทธิ์ของพระคัมภีร์โทราห์ และกฏหมายทัลมุดอย่างเคร่งครัดตามตัวอักษรถือวินัยข้อบังคับ 613 ข้อ รักษาชีวิตทั้งร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์ จำกัดอาหารบางประเภทพยายามดำรงชีวิตอยู่อย่างบรรพบุรุษทุกประการ ไม่เปลี่ยนแปลงประเพณีโบราณ ถือว่าประเทศอิสราเอลเป็นแผ่นดินสัญญาและมาตุภูมิของตนที่พระเจ้าได้ทรง ประทานแล้ว


2. นิกายปฏิรูป (Reform) ส่วนใหญ่เป็นปัญญาชนสมัยใหม่ ถือว่าพระคัมภีร์และกฎหมายรวมทั้งประเพณีต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปลงแก้ไขปรับปรุงได้ แปลคัมภีร์ออกเป็นภาษาพื้นเมืองและภาษาต่างๆ ได้ และตีความให้เข้ากับกาลสมัย ยกเลิกข้อห้ามหรือข้อปฏิบัติโบราณที่ขัดแย้งกับชีวิตสมัยใหม่ ย่นย่อพิธีกรรมให้กะทัดรัด เลิกพิธีสังเวยบูชาสมัยโบราณและการร้องเพลงในโบสถ์ ไม่เชื่อในการเสด็จมาของพระเมสิอาห์และการสร้างประเทศอิสราเอลใหม่เพราะถือ ว่าประเทศที่ตนเกิดก็คือมาตุภูมิของตน


3. นิกายคอนเซอร์เวตีฟ (Conservative) เป็นนิกายที่พยายามเดินทางสายกลางระหว่างนิกายแรก กล่าวคือ ถือว่าศาสนายิวเป็นแก่นสำคัญของชีวิตชาวยิวทุกคน รักษาขนบธรรมเนียมประเพณีโบราณไว้ให้มากที่สุด ส่วนใดล้าสมัยก็ค่อยๆ ปรับปรุงแก้ไขภายในกรอบของกฎหมาย


4. นิกายรีคอนสตรักชั่น (Reconstructionism) เป็นนิกายที่แยกตัวจากนิกายคอนเซอร์เวตีฟ ระหว่าง ค.ศ. 1920–40 ได้รับอิทธิพลจากปรัชญาลัทธิปฏิบัตินิยม (Pragmatism) ลัทธิธรรมชาตินิยม (Naturalism) ของสหรัฐอเมริกา เป็นพวกหัวรุนแรงถืออิสระเสรีในการนับถือศาสนา และอนุโลมให้ปรับปรุงแก้ไขศาสนาให้เข้ากับชีวิตสมัยใหม่ได้

วิดิโอเกี่ยวกับศาสนายิว

คลังความรู้

bottom of page